สื่อ online สร้างเครือข่ายไร้พรมแดน เว็บข่าวไอที  Online 24 ชั่วโมง

Home RTV1  Rtv1news  Borsae News   ติดต่อนักข่าว พิราบขาว และเบาะแส   

อ่านบทความสกู๊ปพิเศษ

“ครองใจคน” หลากหลายเหตุผลที่คนไทยรัก “ในหลวง”

ข่าวประชาสัมพันธ์


สำนักข่าวเด็กและเยาวชน สถานี อาร์ ทีวี วัน และ หนังสือพิมพ์เบาะแส ร่วมแสดงความจงรักภักดี์ โครงการถวาย ๘๔ พรรษา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสพระราชทานแก่ป ระชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2555 ความว่า "ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดี มาอวยพรแก่ท่านทุก ๆ คน และขอขอบใจท่านเป็นอย่างมาก ที่ร่วมกันจัดงานฉลองอายุคร บ 7 รอบให้อย่างเหมาะสมงดงาม ระหว่างปีที่แล้วเหตุการณ์ต ่าง ๆ ในบ้านเมืองนับว่าเป็นปรกติ ดี แต่พอเข้าปลายปี ก็เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ เป็นเหตุให้ประชาชนหลายจังห วัดต้องประสบอันตรายและความ เดือดร้อน ลำบาก ความเสียหายครั้งนี้ดูจะร้า ยแรงกว่าครั้งไหน ๆ ที่ผ่านมา ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือ นใจอย่างสำคัญดังที่ข้าพเจ้ าได้กล่าวไว้หลายครั้งแล้วว ่า วิถีชีวิตของคนเรานั้น จะต้องมีทุกข์ มีภัย มีอุปสรรค ผ่านเข้ามาเนือง ๆ ไม่มีผู้ใดจะอยู่เป็นปรกติส ุขอย่างเดียวได้ ทุกคนจึงต้องเตรียมกาย เตรียมใจ และเตรียมการไว้ให้พร้อมเสม อ เพื่อเผชิญและป้องกันแก้ไขค วามไม่ปรกติเดือดร้อนต่าง ๆ ด้วยความไม่ประมาท ด้วยเหตุผล ด้วยหลักวิชา และด้วยสามัคคีธรรม ในปีใหม่นี้จึงขอให้ประชาชน ชาวไทยได้ตั้งตนอยู่ด้วยควา มไม่ประมาท โดยมีสติ รู้ตัว และปัญญา รู้ผิด กำกับอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดที่มีภาระหน้าที่อันใด ก็เร่งกระทำให้สำเร็จลุล่วง กันไป ให้ทันการณ์ทันเวลา ผลงานทั้งนั้นจะได้ส่งเสริม ให้แต่ละคนประสบแต่ความสุข ความเจริญ และทำให้ชาติบ้านเมืองดำรงม ั่นคงและก้าวหน้าต่อไป ด้วยความผาสุกสวัสดี ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตน ตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ งหลาย จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคนให ้มีความสุข ไม่มีทุกข์ ไม่มีภัย ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน"
 
 
 

แนะนำองค์กร กลุ่มฯ เบาะแส

ความนำ

องค์กร ต่างๆ ทั่วไป จะมีทั้งการให้บริการโดยคิดค่าบริการ และทั้งที่ให้บริการโดยไม่คิดค่าบริการ กลุ่มฯเบาะแส ที่เราจะแนะนำในครั้งนี้ หมายถึงกลุ่มผู้สื่อข่าว ,กลุ่มผู้ที่ช่วยเหลือผู้เดือดร้อนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ในส่วนที่ภาครัฐไม่สามารถช่วยเหลือได้ ก็นับได้ว่า กลุ่มฯเบาะแส เป็นสื่ออีกแขนงหนึ่งที่รวมทั้งสื่อ หนังสือพิมพ์ สื่อวิทยุโทรทัศน์ สื่อวิทยุกระจายเสียง สื่ออินเทอร์เน็ต และสื่อบุคคล ไว้ในองค์กรเดียวกัน ที่ยังคงมีสถานสภาพที่ถาวรและรักษาสภาพได้อย่างยาวนาน มาเป็นเวลามากกว่า ๑๓ ปี เนื่องจากมีหลักการบริหารที่ประยุกต์ เอาทั้งหลักการปกครอง หลักการสื่อสารและหลักจิตวิทยา มาใช้ในการดำเนินการแทบทุกส่วน ซึ่งหมายถึงการทำงานโดยไม่ต้องใช้เงินทุนแต่สามารถอยู่ได้ตลอดไป

ดังนั้นข้อมูลต่างๆในฉบับนี้ น่าจะมีประโยชน์ต่อผู้อ่าน ได้ในระดับดีพอควรแก่การศึกษา เนื่องจากผู้จัดทำได้ตั้งใจเรียบเรียงเนื้อหาและให้เข้าใจง่ายต่อ การอ่าน การศึกษา และการทำความเข้าใจ

 

เสกสรร ประเสริฐ

ผู้จัดทำ

สารบัญ

ความนำ ๒

ความเป็นมา ๔

กลุ่มฯเบาะแส มีวัตถุประสงค์ ๕

กลุ่มเป้าหมายสมาชิก กลุ่มฯเบาะแส ๖

นโยบาย ๖

ผลงานเด่นที่ผ่านมา ของกลุ่มฯเบาะแส ๗

เครื่องหมายประจำองค์กร ๙

ลักษณะบริการและบทบาทหน้าที่เชิงการศึกษา ๑๓

ผลงานด้านสังคม ๑๓

ผลงานช่วยเหลือผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ๑๙

ผลงานปกป้องชาติ ๒๖

ผลงานปกป้องศาสนา ๒๗

ผลงานปกป้องสถาบันฯ ๒๙

ทฤษฎีหรือแนวคิดที่เกี่ยวข้อง ๓๐

ปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะ ๓๙

เอกสารอ้างอิง ๔๑

 

บริการสื่อเพื่อการศึกษา ของกลุ่มฯเบาะแส

การบริการสื่อ เพื่อการศึกษาที่มอบให้แก่ ประชาชนทั่วไปนั้น มีหัวใจสำคัญ อยู่ที่ นาย เสกสรร ประเสริฐ ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์ เบาะแส ประธานกลุ่มฯ เบาะแส ซึ่งตั้งองค์กรขึ้น ตั้งแต่ ปี ๒๕๔๑ พร้อมกับการขานรับ รัฐธรรมนูญ ฉบับปี ๒๕๔๐ โดยให้ความรู้แก่ประชาชน ในส่วนที่ ไม่ได้รับความเป็นธรรม ในภาวะที่ประชาชนขาดผู้นำที่ดี และขาดที่พึ่ง โดยความเป็นจริง คนไทยน้อยคนนักที่จะรู้กฎหมาย ทั้งที่มีระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่กลุ่มฯเบาะแส ได้นำเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์และประสบมาเป็นแบบอย่างในการศึกษาให้ความรู้ แก่ประชาชนคนอื่นๆ

 

ความเป็นมาของ กลุ่มฯเบาะแส

กลุ่มฯ เบาะแส คือ กลุ่มคนที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม ในส่วนที่รัฐไม่สามารถทำได้ เพราะมีระบบอุปถัมภ์ ตั้งขึ้นเมื่อต้นปี 2541 พร้อมกับการขานรับรัฐธรรมนูญฉบับ ปี   2540  ที่ใช้ สิทธิ ของ ประชาชน ที่รวมตัวกันตั้งแต่  50, 000  คน สามารถถอดถอน ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และนักการเมือง ที่คดโกง คอรัปชั่น ( มาตรา ๓๐๓ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด หรืออัยการสูงสุด ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย วุฒิสภามีอำนาจถอดถอนผู้นั้นออกจากตำแหน่งได้บทบัญญัติวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับกับผู้ดำรงตำแหน่งดังต่อไปนี้ด้วย คือ (๑) กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (๒) ผู้พิพากษาหรือตุลาการ พนักงานอัยการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง ทั้งนี้ ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา ๓๐๔ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคน มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อให้วุฒิสภามีมติตามมาตรา ๓๐๗ ให้ถอดถอนบุคคลตามมาตรา ๓๐๓ ออกจากตำแหน่งได้ คำร้องขอดังกล่าวต้องระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่าผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวกระทำความผิดเป็นข้อ ๆ ให้ชัดเจน )

สมาชิกกลุ่มเบาะแสประกอบด้วย ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักการเมือง นักบวช นิสิต นักศึกษา ยาจก ขอทาน คนพิการ

กลุ่มฯ เบาะแส ใช้ สื่อสารมวลชนและสื่อมวลชน เป็นเครื่องมือในการทำงาน เพื่อรายงานผลงานของกลุ่มฯ และเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชน เช่น

1. หนังสือพิมพ์ เบาะแส

2 . วิทยุสื่อสาร V.R. , วิทยุสื่อสาร ประชาชน CB 245 MHZ.

3. สถานีวิทยุชุมชน เบาะแส เรดิโอ ทั่วประเทศ

4. รายการโทรทัศน์ เบาะแส ทาง จานดาวเทียม I PM และเคเบิ้ล ทีวีทั่วประเทศ

5. อินเทอร์เน็ต www.borsae.net , www.rtv1.net 

6. สื่อบุคคล

กลุ่มฯ เบาะแส ใช้ ความเป็นผู้ที่ผ่านเหตุการณ์จริงที่ไม่เกิดประโยชน์   ทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม  ( พลิกผู้ร้าย กลายเป็นผู้ดี )   ปัจจุบันเข้าร่วม กลุ่มฯเบาะแส มากกว่าร้อยละ 70

กลุ่มฯ เบาะแส เสริมสร้าง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ให้ทำงานได้เป็นเอกเทศ เฉพาะส่วนที่ถูกกดขี่   ข่มเหงจากผู้บังคับบัญชา เพื่อให้ปราศจากการคอรัปชั่น เชิงนโยบายและส่วนตัว

 

กลุ่มฯ เบาะแส สร้าง ความรู้ ความเข้าใจ และสร้างอำนาจที่แท้จริง ให้แก่ประชาชนทั่วไป ตามรัฐธรรมนูญ   ด้วยเรามีสมาชิกมากกว่า ๕๐, ๐๐๐ คน   โดยปราศจากสิ่งตอบแทน  เพื่อผลวันหนึ่งข้างหน้าที่ผ่องใสทั้งกายและใจของประชาชน  โดยมุ่งหวังเพื่อ…. ลูกหลานไทย ทั้งชาติ….. กินดีอยู่ดี

กลุ่มฯเบาะแส ยึดถือ หลักที่ว่า

“ มิได้มุ่งหวังทางการเมือง  …. แต่… หวังให้คนไทยทั้งชาติ..กินดี..อยู่ดี…”

กลุ่มฯเบาะแส ใช้ กฎหมายทุกฉบับที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้น ๆ   ดูแลความเป็นธรรม โดยร่วมกับอำนาจที่ กลุ่มฯเบาะแส มีอยู่

กลุ่ม ฯ เบาะแส   มี สมาชิกองค์กร อยู่ทั่วทุกภาค ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกตำบล   โดยมีสมาชิกไม่น้อยกว่าตำบลละ ๒๕ คน เพื่อใกล้ชิดประชาชนและชี้นำแนวทางที่ถูกต้อง โดยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ    

กลุ่มฯเบาะแส ทุกคน ต้องผ่านการปฏิญาณตน กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทุกคนนับถือก่อนที่จะปฏิบัติหน้าที่เป็นสมาชิกกลุ่มฯ เบาะแส

กลุ่มฯ เบาะแส สร้างทีมงาน เบาะแส โดยคัดเลือกจากผู้ที่มีอาชีพ มีรายได้ โดยสุจริต เพื่อเป็นทีมงานกลุ่มฯเบาะแส   ซึ่งเป็นการสกัด การคอรัปชั่น หรือการหาประโยชน์  โดยบุคคล ในองค์กร

กลุ่มฯเบาะแส ไม่รับค่าจ้าง ในการทำงาน แต่จะรับเฉพาะที่มีผู้บริจาคเท่านั้น

ทีมงานเบาะแส กระทำผิดบทลงโทษ     คือ     คุก    กับ       ตาย

กลุ่มฯเบาะแส มีวัตถุประสงค์ ดังนี้

1.   ตีแผ่ความไม่เป็นธรรมในสังคม เพื่อให้องค์กรรวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน รับรู้ และแก้ไขปัญหา

2.   เผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสาร จากภาครัฐสู่สาธารณชน

3.   เสริมสร้างขวัญ และกำลังใจ ให้กับบุคคลที่ทำประโยชน์ แก่สังคม

4.   สนับสนุนประชาชนทั่วไป ให้เป็นหูเป็นตา แทนหน่วยงานของรัฐ เพื่อสร้างความสงบสุข และความปลอดภัย

5.   เป็นสื่อกลาง ให้ความช่วยเหลือ แก่ผู้ที่เดือดร้อน และด้อยโอกาส

6. เพื่อประสานประโยชน์ทางธุรกิจร่วมกัน

กลุ่มเป้าหมายสมาชิก กลุ่มฯเบาะแส

1.ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในสังคม

2.องค์กร บริษัท หน่วยงาน รวมทั้งห้างร้านต่างๆ ที่ถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลข่มขู่ และแสวงหาผลประโยชน์ โดยผิดต่อกฎหมาย

3.นักข่าวที่ไม่กล้านำเสนอข่าว หรือ เบาะแสที่พบเห็น   เนื่องจากเกรงกลัวภัยมืด ของกลุ่มผู้มีอิทธิพล

4.กลุ่มบุคคลทั่วไปผู้มีอุดมการณ์เดียวกัน ร่วมมือกัน ต่อต้านพฤติกรรมอันผิดต่อกฎหมายของกลุ่มที่มีอิทธิพล ที่แสวงหาผลประโยชน์

5.ข้าราชการที่ถูกบีบบังคับ และข่มขู่ให้ต้องรับ ส่วย ฮั้วประมูล และคอรัปชั่น จากกลุ่มผู้มีอิทธิพล

นโยบาย

1.ให้ประเทศชาติ ปราศจาก ส่วย ฮั้ว คอรัปชั่น และธุรกิจที่ผิดกฎหมาย

2.ขจัดกลุ่มบุคคลผู้ทุจริต และ คอรัปชั่น ให้หมดไปจากสังคมไทย

3.เสริมสร้าง สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค ให้เกิดขึ้นกับทุกกลุ่มบุคคล องค์กรโดยเท่าเทียมกัน

4.ส่งเสริมและดำรงไว้ซึ่งบุคคลผู้มีความซื่อสัตย์ สุจริต และประพฤติตน อันเป็นประโยชน์ ต่อสังคม ส่วนรวม

5.ให้เกิดความมั่นคงของประเทศ และความสงบสุข ของประชาชน โดยทั่วถึงกัน

ข้อควรสำนึกของกลุ่มฯเบาะแส

“ เรามีองค์กรเพื่อประชาชนทุกคน เราทุกคนที่เป็นผู้สื่อข่าวเบาะแส ล้วนแต่ทำงานเพื่อประเทศชาติ เพื่อสังคมทั้งนั้น เราเป็นสื่อต้องเข้าถึงมวลชนให้มากที่สุด ต้องรู้ถึงความต้องการของประชาชน ช่วยเหลือชาวบ้าน เป็นกระบอกเสียงแทนชาวบ้านที่เขาเดือดร้อน เสนอข่าวอย่างมีจรรยาบรรณ และตามข้อเท็จจริง มีความรับผิดชอบต่อสังคม สื่อมวลชนจริงๆแล้วมีอำนาจมากแต่เราต้องใช้ให้ถูกต้อง”

ปรัชญาในการทำงานของผู้นำกลุ่มฯเบาะแส

“ การทำงานทุกวันนี้ ผมต้องเจออะไรมากมาย ทั้งดี และร้าย เจอกับคนที่รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจมากมาย เพราะงานที่ทำ จึงทำให้ผมต้องระวังตัวมากเป็นพิเศษ  ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในการทำงานของผม ก็คือ เราต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ไม่ประมาท แม้แต่วินาทีเดียว ถามว่า มันโอเวอร์  มากไปรึเปล่า ผมว่า ไม่นะ ถ้าผมไม่ทำอย่างนี้ ตอนนี้ผมอาจจะไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ก็ได้   มันคงไม่ใช่ แค่งานนี้ อย่างนี้อย่างเดียวผมว่า  ไม่ว่าเราจะทำงานอะไรก็ตาม ถ้าเราไม่ประมาท และมีสติอยู่ตลอดเวลา เราก็จะไม่ทำ อะไรที่ผิดพลาด และไม่มานั่งเสียใจ ในการกระทำของตัวเองภายหลัง และอีกอย่างหนึ่งที่ผมยึดถืออยู่ตลอดเวลาและมักจะสอนคนอื่นๆอยู่เสมอว่า   เวลาที่เราทำอะไร  ถ้าทำในสิ่งที่ดีแล้ว เราไม่ควรหวังอะไร  คนที่หวังจะไม่ได้ในสิ่งที่ตนเองหวัง แต่กลับกัน คนที่ไม่ได้หวัง เมื่อทำความดีแล้ว มักจะได้ในสิ่งที่หวัง และอาจจะได้มากมายกว่า สิ่งที่หวังไว้   ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่คิดอยากจะทำความดี ทำตัวเป็นคนดี แต่มักจะท้อแท้กลางคัน เพราะเขามักจะคิดว่า  ทำดี-ไม่ได้ดี”

 

ผลงานเด่นที่ผ่านมา ของกลุ่มฯเบาะแส

ปี 2544      ฮือฮา… กับการปิดบ่อนเจ้าพ่อ..คนดังเมืองพิจิตรจนถูกวางแผนเก็บ….? (ไม่ตาย)

ปี 2546      ล้างมาเฟียเกาหลีพัทยา, สุขุมวิท, สาทร และรัชดาฯ มีคนมีสีเป็นแบ็ค … จนถูกสั่งฆ่า ค่าหัว ๑ ล้าน…? ( คนรับงานไม่กล้าลงมือ คืนงาน)

ต้นปี 2547    ล้างผู้ขายรถยนต์ใหม่…… ป้ายแดงเถื่อน….??? 

ปี 2547     จัดระเบียบสถานบริการ ล้าง… การค้าประเวณีเพื่อคืนศักดิ์ศรีให้สตรีไทย….? เสธฯ.อ… เดือดร้อนไปหาแม่ชี…. คนดังอยุธยาให้ช่วย…. แต่โดนกระชากร่วงทั้งสองคน..?

ปี 2547    เอาที่ดินจากผู้ยิ่งใหญ่ นครปฐม คืนให้ชาวนครชัยศรี ชาวบ้าน เฮ..เหมือนพระ… มาโปรด..? ( มีการตาย ๑ ศพ )

ตุลาคม 2547     ผลงาน ล้างวัดโสธร..โค่นเจ้าพ่อแปดริ้ว……?  ดังกระฉ่อนตามคำเรียกร้องของลูกศิษย์…. หลวงพ่อพุทธโสธร จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าอาวาสจึงทำหนังสือ เชิญเข้าไป เป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์วัดโสธรฯและได้เรียกประชุมคณะกรรมการที่มีทั้งผู้ว่าฯ, นักการเมือง , ตำรวจ , ทหาร , อัยการ , ผู้ยิ่งใหญ่ในพื้นที่ นอกพื้นที่ เพื่อลงมือล้าง กลุ่มมาเฟีย ที่มีการโกงกิน มาประมาณสามสิบปี ที่ใครๆ ก็จัดการไม่ได้ (ออกรายการ ทีวี ถึงลูก-ถึงคน คุณสรยุทธ์, รายการ คม ชัด ลึก, ช่อง ๑๑ และขึ้นหน้า ๑ หน้า ๒ หนังสือพิมพ์หลายฉบับ เช่น คม ชัด ลึก และอีกหลายต่อหลายรายการทีวีจนถึงปี  48 ทั้งปีจบงานที่ปี 50 (คนเลวร่วง)

ปลายปี 2547     กับผลงานชิ้นโบว์แดง….. ที่สะเทือนทั้งประเทศ …… ปั่นป่วนกันทุกสี…. ผลงาน กระชากหน้ากากแม่ชีคนดังอยุธยา… แอบอ้างเบื้องสูงหาประโยชน์ ดังกระหึ่มไปทั่ว..ทุกวงการ จนในที่สุด รายการ คม ชัด ลึก ที่ออกอากาศทาง เดอะเนชั่นชันแนล เชิญไป ปะทะคารมกับแม่ชีคนหนึ่ง (คุณชูวิทย์รู้จักดี) ชนิดคำต่อคำ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ใครจะอยู่ ใครจะไป จนเป็นที่มาของ คดีหมิ่นรัชทายาท ที่มีการจับกุมเมื่อ ๖ ก.ค.๔๘ เวลา ๑๐.๐๐ น. ตลึง..! ทั้งประเทศ อยากรู้ ถามคุณชูวิทย์ และเสธฯแดง หรือ อยากดู วี ซี ดี ติดต่อได้ที่ 081 404 2002 ฟรี… จำนวนจำกัด หลายผลงานนี้ไม่รู้งานไหน ผอ.เบาะแส ถูกสั่งฆ่า ค่าหัว ๑๐ ล้าน แต่ยิงไม่ได้ ในที่สุดคนสั่งรับกรรมตามระเบียบ ไม่คุกก็ตาย…?

ต้นปี 2548     สะเทือนทั้งวงการ รถตู้ และเกี่ยวข้อง เสธ.ทหาร กับผลงาน โค่นนายพล ป. มาเฟียรถตู้ รังสิต…. และ อีกหลายเรื่องมากมาย… ที่เป็นผลงานที่คนทุกสังคมยอมรับ … กับการที่เบาะแสได้ ช่วยเหลือผู้ที่ ถูกรังแก ถูกโกง…. ถูกโยนให้เป็นแพะ… รับบาป… โพรงมะเดื่อ..? ( แพะ… รอด) รถชน… บ.ประกันภัยไม่จ่ายค่าสินไหม….. โดนข้าราชการ……. ทหาร…… ตำรวจ… นักการเมือง… มาเฟีย… รังแกด้วยความไม่เป็นธรรม…… ทุกคนที่ได้รับการช่วยเหลือต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า “ ผอ .เสกสรร เป็นคนจริง ”  อะไร…… ที่คนอื่นทำไม่ได้ แต่… ผอ.เบาะแส… ทำได้…???

25 พ.ย. 2551     กลุ่มฯเบาะแส ชนะคดี มาเฟียรถตู้ ณ ศาลจังหวัดธัญบุรี และคดีแม่ชีที่อ้างเป็นแม่นมเบื้องสูงในที่สุดแม่ชีฯ  ได้รับโทษจำคุก  3  ปี  ณ ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและชั้นศาลอุทธรณ์/.

สิ้นปี 2552      กลุ่มมาเฟียรถตู้ จ่ายภาษีให้กรมสรรพากรหลัก… ล้านบาท โดยฝีมือ ผอ.เบาะแส ..ยังมีภาษีรอเก็บเข้ารัฐอีกหลายร้อยล้าน

6 ส.ค.2553 ผอ.เบาะแสเก็บภาษีศุลกากรจากเรือเดินทะเลต่างประเทศเถื่อน กว่า 2 ล้านบาท

หาซื้อ หนังสือพิมพ์ เบาะแส ได้ ตามร้านซีเอ็ดบุ๊คส์ ทุกสาขาทั่วประเทศ , ร้านแพร่พิทยาเซ็นทรัลปิ่นเกล้าและลาดพร้าว/.

ต้องการร่วมเป็นทีมงาน    กลุ่มฯเบาะแส   เพื่อปกป้องตนเองและครอบครัวให้พ้นจากความไม่เป็นธรรม ติดต่อ  seksonborsae@hotmail.com   หรือพบข้อมูลได้ใน http://borsae. net , http://seksonborsae. hi 5. com และ สถานีเบาะแส  www. rtv 1. net

เครื่องหมายประจำองค์กร

ตราชั่ง หมายถึง ความเที่ยงตรงหรือตงฉิน
รวงข้าว หมายถึง การกินดี - อยู่ดี
มือจับกัน หมายถึง การให้รักกันเข้าใจกัน

 

Logo หนังสือพิมพ์ เบาะแส

 

LOGO สื่ออินเทอร์เน็ต

 

ผู้นำกลุ่มฯ เบาะแส ชื่อ เสกสรร ประเสริฐ อายุ ๔๖ ปี

Sekson prasert

ตำแหน่ง - ผู้อำนวยการ หนังสือพิมพ์ เบาะแส

- ประธานกลุ่มฯเบาะแส

- ประธานที่ปรึกษา มูลนิธิ เบาะแส (ผู้ก่อตั้ง)

ขณะนี้กำลังศึกษาปริญญาโท นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขา การบริหารการสื่อสาร

 

 

ต้นแบบ ตระเวนข่าว และ ปฏิบัติการ

เสกสรร ประเสริฐ ได้รับมอบโล่ เกียรติยศจาก หัวหน้ามือปราบ เท็กซ์ซัส U.S.A. (ลินเสซ์ อี.ศิริโก)

สำนักงานใหญ่ หนังสือพิมพ์ เบาะแส

ศูนย์ประสานงานในแต่ละจังหวัด

ลักษณะบริการและบทบาทหน้าที่เชิงการศึกษา

  • ให้ความรู้แก่ประชาชน ในเรื่อง กฎหมายทั่วไป ที่ใช้ใน ชีวิตประจำวัน กฎหมายที่ควรรู้ สำหรับอยู่ร่วมกันในสังคม
  • แนะนำวิธีการต่อสู้ กับความไม่เป็นธรรมในกรณีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งเชิงปฏิบัติการและเชิงนโยบาย
  • หาข้อมูลหรือความรู้เพิ่มเติมต่างๆ ให้ประชาชนทั่วไปทราบ
  • ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเมื่อมีการร้องทุกข์
  • ข้อมูลการศึกษาจะมีต่อเมื่อมีการลงพื้นที่ซึ่งเป็นเรื่องที่ต่างกันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ ขณะนั้น
  • ลงพื้นที่ ปฏิบัติงาน โดยให้ข้อมูลหรือความรู้ ต่อชุมนุมชนหรือ มวลชน มากกว่าให้มาศึกษา ณ ที่ทำการ
  • ให้ความรู้ ตอบสนองรัฐธรรมนูญ กรณี คนไทยต้องรู้กฎหมาย
  • กระทำตนเป็นเยี่ยงอย่างของสังคม

ผลงานด้านสังคม 

ผอ.เบาะแส รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการในการสัมมนาฯ

ดร.สุทิน ลี้ปิยะชาติ วิทยากร และ ผอ.เสกสรร ประเสริฐ ผู้ดำเนินรายการ

อ.บุญเลิศ ช้างใหญ่ บก.อาวุโส นสพ.มติชน และ ดร.สุพิน ปัญญามาก ร่วมเป็นวิทยากร

คณะวิทยากรร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก กับอธิการบดี และ คณาจารย์มหาวิทยาลัย เกริก

หนังสือพิมพ์ เบาะแส ฉบับปฐมฤกษ์ เมื่อ ปี 2541 และฉบับที่ มีผลงานเด่น

ผลงานช่วยเหลือผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม

ครอบครัวนาย บุญชน รัตนมั่นคงจิตร ร้องทุกข์ ถูกรถจักรยานยนต์ส่ง Pizza Hut ชนแขนหักขาดการดูแล ช่วงแรก เมื่อ พนักงานสอบสวนรู้ว่า ผอ.เบาะแส ดูแลคดีนี้ ทุกอย่างดีเยี่ยมเกินคาด แต่ข้าราชการ คุมประพฤฒิ....บางคน บอกว่า ประกันภัย..... เขามีเงินมากกว่า สู้อย่างไร...เราก็ไม่ชนะ..... ??? ให้ยอมๆ เขา......???

สุดท้ายทนายความของ บริษัท ประกันภัย ฯ ต้องมา พบ ผอ.เบาะแส ที่ สำนักงาน หนังสือพิมพ์ เบาะแส บริษัท M S I G ประกันภัยฯ จ่ายค่าสินไหมทดแทน
ด้วยความเป็นธรรมต่อครอบครัวนายบุญชนฯ
200,000 บาท

และ บริษัท มิตรแท้ ประกันภัย มอบให้ครอบครัวนายบุญชนฯอีก 50,000 บาท

ครอบครัว นายบุญชนฯได้รับค่าสินไหมชดเชยรวม 250,000 บาท

เข้าพบ ขอบคุณ ผอ.เสกสรร ประเสริฐ

ผอ.เบาะแส ช่วยเรียกเงินจากบริษัท ประกันภัยฯ เป็นค่ารักษากรณีขาหักใน

เขต อ.ธัญบุรีจ.ปทุมธานี ๑๕๐ , ๐๐๐ บาท

ผอ.เสกสรรฯ ลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านนครชัยศรี จ.นครปฐม เอาที่ดินคืน

จากตระกูล สะสมทรัพย์ เจ้าพ่อนครปฐม

นำข้าวสารอาหารแห้งช่วย น้ำท่วมที่ จังหวัดลพบุรี

กลุ่มฯเบาะแสประชุมชาวบ้านสำนักทอง จ.ระยองกับ โรงงานปลาทูน่ากระป๋องเพื่อหาข้อยุติเรื่องชาวบ้านไม่เอา ถ่านหิน

เคลียร์ปัญหาให้ แม่-ลูกรักกัน ดีกัน ที่ จ.พิษณุโลก

รับร้องทุกข์จากชาวบ้านสายไหมต่อต้าน ห้างฯค้าปลีกต่างชาติ(คาร์ฟู)

ผอ.เสกสรร รับเรื่องร้องทุกข์จากชาวมุสลิม กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ในปทุมธานี

ผลงานปกป้องชาติ

ผลงานปกป้องชาติ จาก ขบวนการโกงภาษีโดยนำจับเรือเดินทะเลบรรทุกน้ำมันเถื่อน สมุทรสาคร เก็บภาษีเข้ารัฐ จำนวน 2 , 052 , 319 บาท ๖ ส.ค. ๒๕๕๓

เก็บภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มจากเครือข่าย นายพล ป. หลักล้าน เรื่อง มาเฟียรถตู้..... ???

ผลงานปกป้องศาสนา

ผลงานปกป้องศาสนา เช่น..... ??? ปกป้อง หลวงพ่อ ดร. สิงห์ธน วัดวรเชตร์ อยุธยา
ผู้รักษา เจดีย์ เก็บอัฐิของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ปราบมาเฟีย โกงเงิน.....วัดหลวงพ่อพุทธโสธร จ.ฉะเชิงเทรา

ฉบับเด่นช่วง...งานล้างวัดโสธรฯโค่น.. ! เจ้าพ่อแปดริ้ว

ผอ.เสกสรร เป็นประธานงานบุญทอดผ้าป่าสร้างทางขึ้นพระธาตุ กู่ผางลางและพบชาวบ้าน จ.พะเยา

ผลงานปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
เป็นผู้แจ้งจับ แม่ชีเบญจวรรณ เสมาชัย วัดพระญาติการาม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แม่ชีฯคนดังอยุธยา คดีหมิ่นรัชทายาท ถูกจับกุม เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ขณะนี้ต้องโทษ จำคุก ๓ ปี ทั้งศาลจังหวัดอยุธยาและชั้นศาลอุทธรณ์

ออกรายการทีวี คม ชัด ลึก ก่อนจับแม่ชีฯอ้างเบื้องสูง

ทฤษฎีหรือแนวคิดที่เกี่ยวข้อง

 

ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ (Maslow’s hierarchy of needs theory)

เป็นทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ซึ่งกำหนดโดยนักจิตวิทยา ชื่อ มาสโลว์ (Abraham Maslow) เป็นทฤษฎีการจูงใจที่มีการกล่าวขวัญอย่างแพร่หลาย มาสโลว์มองว่าความต้องการของมนุษย์มีลักษณะเป็นลำดับขั้น จากระดับต่ำสุดไปยังระดับสูงสุด เมื่อความต้องการในระดับหนึ่งได้รับการตอบสนองแล้ว มนุษย์ก็จะมีความต้องการอื่นในระดับที่สูงขึ้นต่อไป

  • ความต้องการทางร่างกาย (Physiological needs) เป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์เพื่อความอยู่รอด เช่น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค อากาศ น้ำดื่ม การพักผ่อน เป็นต้น
  • ความต้องการความปลอดภัยและมั่นคง (Security or safety needs) เมื่อมนุษย์สามารถตอบสนองความต้องการทางร่างกายได้แล้ว มนุษย์ก็จะเพิ่มความต้องการในระดับที่สูงขึ้นต่อไป เช่น ความต้องการความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ความต้องการความมั่นคงในชีวิตและหน้าที่การงาน
  • ความต้องการความผูกพันหรือการยอมรับ ( ความต้องการทางสังคม) (Social Needs) เป็นความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ซึ่งเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ เช่น ความต้องการให้และได้รับซึ่งความรัก ความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของหมู่คณะ ความต้องการได้รับการยอมรับ การต้องการได้รับความชื่นชมจากผู้อื่น เป็นต้น
  • ความต้องการการยกย่อง (Esteem needs) หรือ ความภาคภูมิใจในตนเอง เป็นความต้องการการได้รับการยกย่อง นับถือ และสถานะจากสังคม เช่น ความต้องการได้รับความเคารพนับถือ ความต้องการมีความรู้ความสามารถ เป็นต้น
  • ความต้องการความสำเร็จในชีวิต (Self- actualization) เป็นความต้องการสูงสุดของแต่ละบุคคล เช่น ความต้องการที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างได้สำเร็จ ความต้องการทำทุกอย่างเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง เป็นต้น

จากทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ สามารถแบ่งความต้องการออกได้เป็น 2 ระดับ คือ

  • ความต้องการในระดับต่ำ (Lower order needs) ประกอบด้วยความต้องการทางร่างกาย, ความต้องการความปลอดภัยและมั่นคง และความต้องการความผูกพันหรือการยอมรับ
  • ความต้องการในระดับสูง (Higher order needs) ประกอบด้วย ความต้องการการยกย่องและความต้องการความสำเร็จในชีวิต

ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการ ( Maslow’s Hierarchical Theory of Motivation) Maslow เชื่อว่า พฤติกรรมของมนุษย์ เป็นจำนวนมากสามารถอธิบายโดยใช้แนวโน้มของบุคคลในการค้นหาเป้าหมายที่จะทำให้ชีวิตของเขาได้รับความต้องการ ความปรารถนา และได้รับสิ่งที่มีความหมายต่อตนเอง เป็นความจริงที่จะกล่าวว่ากระบวนการของแรงจูงใจเป็นหัวใจของทฤษฎีบุคลิกภาพของ Maslow โดยเขาเชื่อว่ามนุษย์เป็น “ สัตว์ที่มีความต้องการ” (wanting animal) และเป็นการยากที่มนุษย์จะไปถึงขั้นของความพึงพอใจอย่างสมบูรณ์ ในทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของ Maslow เมื่อบุคคลปรารถนาที่จะได้รับความพึงพอใจและเมื่อบุคคลได้รับความพึงพอใจในสิ่งหนึ่งแล้วก็จะยังคงเรียกร้องความพึงพอใจสิ่งอื่นๆ ต่อไป ซึ่งถือเป็นคุณลักษณะของมนุษย์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความต้องการจะได้รับสิ่งต่างๆอยู่เสมอ
Maslow กล่าวว่าความปรารถนาของมนุษย์นั้นติดตัวมาแต่กำเนิดและความปรารถนาเหล่านี้จะเรียงลำดับขั้นของความปรารถนา ตั้งแต่ขั้นแรกไปสู่ความปรารถนาขั้นสูงขึ้นไปเป็นลำดับ
ความต้องการที่จะเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงจะดำเนินไปอย่างง่ายหรือเป็นไปโดยอัตโนมัติ โดยความเป็นจริงแล้ว Maslow เชื่อว่าคนเรามักจะกลัวตัวเองในสิ่งเหล่านี้ “ ด้านที่ดีที่สุดของเรา ความสามารถพิเศษของเราสิ่งที่ดีงามที่สุดของเราพลังความสามารถความคิดสร้างสรรค์”Maslow(1962:58)
ความต้องการเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงมิได้มีแต่เฉพาะในศิลปินเท่านั้น คนทั่วๆ ไป เช่น นักกีฬา นักเรียน หรือแม้แต่กรรมกรก็สามารถจะมีความเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงได้ถ้าทุกคนสามารถทำในสิ่งที่ตนต้องการให้ดีที่สุด รูปแบบเฉพาะของการเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงจะมีความแตกต่างอย่างกว้างขวางจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง กล่าวได้ว่ามันคือระดับความต้องการที่แสดงความแตกต่างระหว่างบุคคลอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด
Maslow ได้ยกตัวอย่างของความต้องการเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง ในกรณีของนักศึกษาชื่อ Mark ซึ่งเขาได้ศึกษาวิชาบุคลิกภาพเป็นระยะเวลายาวนานเพื่อเตรียมตัวเป็นนักจิตวิทยาคลีนิค นักทฤษฎีคนอื่นๆ อาจจะอธิบายว่าทำไมเขาจึงเลือกอาชีพนี้ ตัวอย่าง เช่น Freud อาจกล่าวว่ามันสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับสิ่งที่เขาเก็บกด ความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องเพศไว้ตั้งแต่วัยเด็ก ขณะที่ Adler อาจมองว่ามันเป็นความพยายามเพื่อชดเชยความรู้สึกด้อยบางอย่างในวัยเด็ก Skinner อาจมองว่าเป็นผลจากการถูกวางเงื่อนไขของชีวิตในอดีต ขณะที่ Bandura สัมพันธ์เรื่องนี้กับตัวแปรต่างๆ ทางการเรียนรู้ทางสังคม และ Kelly อาจพิจารณาว่า Mark กำลังจะพุ่งตรงไปเพื่อที่จะเป็นบุคคลที่เขาต้องการจะเป็นตัวอย่างที่แสดงถึง การมุ่งตรงไปสู่เป้าประสงค์ในอาชีพโดยความต้องการที่จะเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงและถ้าจะพิจารณากรณีของ Mark ให้ลึกซึ่งยิ่งขึ้น ถ้า Mark ได้ผ่านกาเรียนวิชาจิตวิทยาจนครบหลักสูตรและได้เขียนวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกและในที่สุดก็ได้รับปริญญาเอกทางจิตวิทยาคลีนิค สิ่งที่จะต้องวิเคราะห์ Mark ต่อไปก็คือ เมื่อเขาสำเร็จการศึกษาดังกล่าวแล้วถ้ามีบุคคลหนึ่ง ได้เสนองานให้เขาในตำแหน่งตำรวจสืบสวน ซึ่งงานในหน้าที่นีจะได้รับค่าตอบแทนอย่างสูงและได้รับผลประโยชน์พิเศษหลายๆ อย่างตลอดจนรับประกันการว่าจ้างและความมั่นคงสำหรับชีวิต เมื่อประสบเหตุการณ์เช่นนี้ Mark จะทำอย่างไร ถ้าคำตอบของเขาคือ “ ตกลง” เขาก็จะย้อนกลับมาสู่ความต้องการระดับที่ 2 คือความต้องการความปลอดภัย สำหรับการวิเคราะห์ความเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง Maslow กล่าวว่า “ อะไรที่มนุษย์สามารถจะเป็นได้เขาจะต้องเป็นในสิ่งนั้น” เรื่องของ Mark เป็นตัวอย่างง่ายๆ ว่า ถ้าเขาตกลงเป็นตำรวจสืบสวน เขาก็จะไม่มีโอกาสที่จะเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง
ทำไมทุกๆ คนจึงไม่สัมฤทธิผลในการเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง (Why Can’t All People Achieve Self-Actualization) ตามความคิดของ Maslow ส่วนมากมนุษย์แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดที่ต้องการแสวงหาเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ภายในตน จากงานวิจัยของเขาทำให้ Maslow สรุปว่าการรู้ถึงศักยภาพของตนนั้นมาจากพลังตามธรรมชาติและจากความจำเป็นบังคับ ส่วนบุคคลที่มีพรสวรรค์มีจำนวนน้อยมากเพียง 1% ของประชากรที่ Maslow ประมาณ Maslow เชื่อว่าการนำศักยภาพของตนออกมาใช้เป็นสิ่งที่ยากมาก บุคคลมักไม่รู้ว่า ตนเองมีความสามารถและไม่ทราบว่าศักยภาพนั้นจะได้รับการส่งเสริมได้อย่างไร มนุษย์ส่วนใหญ่ยังคงไม่มั่นใจในตัวเองหรือไม่มั่นใจในความสามารถของตนจึงทำให้หมดโอกาสเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง และยังมีสิ่งแวดล้อมทางสังคมที่มาบดบังพัฒนาการทางด้านความต้องการของบุคคลดังนี้
อิทธิพลของวัฒนธรรม ตัวอย่างหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นว่าอิทธิพลของสังคมมีต่อการเข้าใจตนเอง คือแบบพิมพ์ของวัฒนธรรม (cultural stereotype) ซึ่งกำหนดว่าลักษณะเช่นไรที่แสดงความเป็นชาย (masculine) และลักษณะใดที่ไม่ใช่ความเป็นชาย เช่นจัดพฤติกรรมต่างๆ เหล่านี้ ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ความเมตตากรุณา ความสุภาพและความอ่อนโยน สิ่งเหล่านี้วัฒนธรรมมีแนวโน้มที่จะพิจารณาว่า “ ไม่ใช่ลักษณะของความเป็นชาย” (unmasculine) หรือความเชื่อถือของวัฒนธรรมด้านอื่นๆ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่มีคุณค่า เช่น ยึดถือว่าบทบาทของผู้หญิงขึ้นอยู่กับจิตวิทยาพัฒนาการของผู้หญิง เป็นต้น การพิจารณาจากเกณฑ์ต่างๆ ดังกล่าวนี้เป็นเพียงการเข้าใจ “ สภาพการณ์ที่ดี” มากกว่าเป็นเกณฑ์ของการเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง

ประการสุดท้าย Maslow ได้สรุปว่าการไม่เข้าใจตนเองอย่างแท้จริงเกิดจากความพยายามที่ไม่ถูกต้องของการแสวงหาความมั่นคงปลอดภัย เช่น การที่บุคคลสร้างความรู้สึกให้ผู้อื่นเกิดความพึงพอใจตนโดยพยายามหลีกเลี่ยงหรือขจัดข้อผิดพลาดต่างๆ ของตน บุคคลเช่นนี้จึงมีแนวโน้มที่จะพิทักษ์ความมั่นคงปลอดภัยของตน โดยแสดงพฤติกรรมในอดีตที่เคยประสบผลสำเร็จ แสวงหาความอบอุ่น และสร้างมนุษยสัมพันธ์กับผู้อื่น ซึ่งลักษณะเช่นนี้ย่อมขัดขวางวิถีทางที่จะเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง

ทฤษฎีการสื่อสาร
การสื่อสาร (communication ) คือ
กระบวนการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสารระหว่างบุคคลต่อบุคลหรือบุคคลต่อกลุ่ม โดยใช้สัญญลักษณ์ สัญญาน หรือพฤติกรรมที่เข้าใจกัน โดยมีองค์ประกอบดังนี้
ผู้ส่งสารคือ ผู้ที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูล สารไปยังผู้รับสารโดยผ่านช่องทางที่เรียกว่าสื่อ ถ้าหากเป็นการสื่อสารทางเดียวผู้ส่งจะทำหน้าที่ส่งเพียงประการเดียวแต่ถ้าเป็นการสื่อสาร 2 ทาง ผู้ส่งสารจะเป็นผู้รับในบางครั้งด้วย ผู้ส่งสารจะต้องมีทักษะในการสื่อสาร มีเจตคติต่อตนเอง ต่อเรื่องที่จะส่ง ต้องมีความรู้ ในเนื้อหาที่จะส่ง และอยู่ในระบบสังคมเดียว กับผู้รับก็จะทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ ข่าวสารในการะบวนการติดต่อสื่อสารก็มีความสำคัญ ข่าวสารที่ดีต้องแปลเป็นรหัส เพื่อสะดวกในการส่งการรับและตีความ เนื้อหาสารของสารและการจัดสารก็จะต้องทำให้การสื่อความหมายง่ายขึ้น
สื่อหรือช่องทางในการรับสารคือ ประสาทสัมผัสทั้งห้า คือ ตา หู จมูก ลิ้น และกายสัมผัส และตัวกลางที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเช่น สิ่งพิมพ์ กราฟิก สื่ออิเลกทรอนิกส์

ผู้รับสารคือ ผู้ที่เป็นเป้าหมายของผู้ส่งสาร การสื่อสารจะมีประสิทธิภาพ ผู้รับสารจะต้องมีประสิทธิภาพในการรับรู้มีเจตคติที่ดีต่อข้อมูลข่าวสารต่อผู้ส่งสารและต่อตนเอง
ทฤษฎีคืออะไร
คือ กลุ่มความสัมพันธ์ของแนวคิดคำนิยาม และองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ใช้อธิบายลักษณะของปรากฏการณ์หนึ่ง และชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่าง ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะอธิบายหรือคาดเดาปรากฏการณ์นั้น
จากคำจำกัดความข้างต้นสามารถแยกแยะความหมายของทฤษฎีได้ 3 ประเด็น คือ
- ทฤษฎีคือกลุ่มของข้อความที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำงานของสิ่งต่าง ๆ
- ทฤษฎีช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มตัวแปรต่าง ๆ และเมื่อได้ปฏิบัติตามทฤษฎีแล้วจะแสดงให้เห็นถึงลักษณะของปรากฏการณ์หนึ่ง
- ทฤษฎีอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ โดยเจาะจงไปว่าตัวแปรใดสัมพันธ์กับตัวแปรใด และมีความสัมพันธ์กันอย่างไร
- คำอธิบายในทฤษฎีจะสะท้อนให้เห็นแนวคิด ซึ่งทฤษฎีแต่ละทฤษฎีจะมีความแตกต่างกันไป เนื่องจากคำอธิบายนั้นตั้งอยู่บนหลักปรัชญาที่ต่างกัน ดังนั้นจึงมีการแบ่งประเภทของทฤษฎีตามรูปคำอธิบายของหลักปรัชญาต่างๆ
- ทฤษฎีทางนิเทศศาสตร์ จะมุ่งอธิบายถึงพฤติกรรมการสื่อสารของมนุษย์ทุกรูปแบบ ซึ่งแต่ละทฤษฎีจะอธิบายถึงพฤติกรรมการสื่อสารของมนุษย์ในลักษณะใดนั้น ขึ้นอยู่กับความเชื่อหรือหลักปรัชญาของผู้สร้างทฤษฎีว่า ตัวแปรอะไรที่สามารถนำมาอธิบายพฤติกรรมนั้นได้
องค์ประกอบของทฤษฎี
1. แนวความคิด (Concept)
2. ข้อเสนอหรือข้อสมมติฐาน (Proposition or Hypothesis)
3. เหตุการณ์ (Contingency) ที่มีกระบวนการพิสูจน์จากข้อเสนอหรือข้อสมมติฐาน
หน้าที่ของทฤษฎี
1. จัดและสรุปข้อเท็จจริงต่าง ๆ
2. เน้นความสำคัญของตัวแปร
3. ขยายความหรือตีความเหตุการณ์
4. ช่วยในการสังเกตเหตุการณ์ต่าง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นและเกิดขึ้นได้อย่างไร
5. ทำนาย หรือคาดเดาเกี่ยวกับผลลัพธ์ของ เหตุการณ์ต่าง ๆ
6. ถ่ายทอดความรู้
7. ให้คุณค่าแก่การศึกษา ก่อให้เกิดการวิจัย โดยสามารถระบุตัวแปรที่เกี่ยวข้องได้ และนำไปสู่การพัฒนาทฤษฎีใหม่
8. กำหนดปทัสถานหรือคุณสมบัติของพฤติกรรม

การสื่อสาร คือ กระบวนการของการถ่ายทอดสาร ( Message) จากบุคคลหนึ่งซึ่งเรียกว่า ผู้ส่งสาร (Source) ไปยังบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งเรียกว่า ผู้รับสาร (Receiver) โดยผ่านสื่อ (Channel)
สรุป การสื่อสาร เป็นกระบวนการที่มีความเคลื่อนไหวและเป็นการกระทำอย่างต่อเนื่องในการส่งและรับสารระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสาร โดยผ่านสื่อต่าง ๆอย่างมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
ความสำคัญของการสื่อสาร
1. การสื่อสารกับปัจเจกบุคคล เป็นความต้องการที่จะสื่อสารกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันการสื่อสารเป็นความจำเป็นพื้นฐานที่จะต้องมีเพื่อให้ชีวิตอยู่รอด
2. การสื่อสารกับสังคมมนุษย์ใช้การสื่อสารเป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดวัฒนธรรม ทำให้สังคมเกิดขึ้นและดำรงอยู่ได้การสื่อสารเปรียบได้กับเส้นใย ของสังคมเป็นเครื่องมือสำคัญ ของบุคคลและสังคม ให้สามารถดำรงอยู่ได้ ผู้ที่เปิดรับการสื่อสาร และมีข้อมูลมากกว่าย่อมมีอำนาจในการตัดสินใจและการต่อรองได้มากกว่า (Communication is Power)
วัตถุประสงค์ของผู้ส่งสาร
1. เพื่อแจ้งให้ทราบ (Inform) ในการกระทำการสื่อสารนั้น ผู้ส่งสาร มีความต้องการที่จะบอกกล่าว หรือชี้แจงข่าวสาร เรื่องราว เหตุการณ์ ข้อมูล ให้ผู้รับสาร
2. เพื่อสอนหรือให้การศึกษา (Teach or Educate) ผู้ส่งสาร มีความต้องการที่จะสอนวิชา ความรู้ เรื่องราว ที่มีลักษณะเป็นวิชาการ เพื่อให้ผู้รับสาร มีความรู้เพิ่มขึ้นจากเดิม
3. เพื่อสร้างความพอใจ หรือเพื่อให้ความบันเทิง (Please or Entertain) ผู้ส่งสารมีความต้องการที่จะทำให้ผู้รับสารเกิดความพอใจ บันเทิง จากสารที่ตนเองส่งออกไป ไม่ว่าจะเป็นในรูปของการพูด การเขียน หรือ การแสดงกิริยาท่าทาง
4. เพื่อเสนอ หรือชักจูงใจ(Propose or Persuade) ผู้ส่งสารได้เสนอ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ต่อผู้รับสารและมีความต้องการชักจูงใจให้ผู้รับสารมีความคิดคล้อยตาม หรือยอมรับ ปฏิบัติตามการเสนอแนะของตน
วัตถุประสงค์ของผู้รับสาร
1. เพื่อทราบ (Understand) ผู้รับสารมีความต้องการที่จะทราบเรื่องราว ข่าวสาร ข้อมูล เหตุการณ์ ที่มีผู้แจ้งหรือรายงาน ชี้แจงให้ทราบ
2. เพื่อศึกษา (Learn) เป็นการแสวงหาความรู้ ของผู้รับสารจากการสื่อสาร
3. เพื่อหาความพอใจ (Enjoy) ผู้รับสารมีความต้องการที่จะแสวงหาสิ่งที่สามารถมาช่วยสร้างความบันเทิง และความสบายใจ ให้กับตนเอง
4. เพื่อกระทำหรือตัดสินใจ (Dispose or Decide) ผู้รับสารทำการสื่อสาร เพื่อใช้ในการตัดสินใจ หรือเพื่อทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
องค์ประกอบของกระบวนการสื่อสาร
องค์ประกอบของกระบวนการสื่อสาร คือ ผู้ส่งสาร สาร สื่อ และผู้รับสารซึ่งเป็นตัวกำหนดประสิทธิผลของการสื่อสารในแต่ละองค์ประกอบนี้มีปัจจัยต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การเพิ่ม หรือการลดประสิทธิผลการสื่อสาร
1. ผู้ส่งสาร บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ต้องการจะทำการสื่อสารความคิด ความต้องการ ความรู้สึก และวัตถุประสงค์ปัจจัยของผู้ส่งสาร
- ทักษะในการสื่อสาร (Communication Skills)
- ทัศนคติ (Attitude)
- ความรู้ (Knowledge)
- สถานภาพในสังคมและวัฒนธรรม (Position Within a Social Cultural System)
2. สาร (Message) ผลผลิตของผู้ส่งสารที่ถ่ายทอด ความคิด ความต้องการ ของตนที่ปรากฏออกมาในรูปของรหัส
ปัจจัยของสาร
- รหัสสาร (Message Code)
- เนื้อสาร (Message Content)
- การจัดสาร (Message Treatment)
3. สื่อ (Channel) ช่องทางการสื่อสาร สิ่งที่ขนส่งสาร สิ่งที่กำหนด ในการตัดสินใจเลือกสื่อ
1. ผู้รับสาร
2. สาร
3. ผู้ส่งสาร
4. สื่อ
4. ผู้รับสาร (Receiver) บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่รับสารของผู้รับสาร
ปัจจัยของผู้รับสาร
- ทักษะในการสื่อสาร
- ทัศคติ
- ความรู้
- สถานภาพในสังคมและวัฒนธรรม
การสื่อสารกลับ (Feedback) คือ ปฏิกิริยา (Reaction) ของผู้รับสารที่แสดงตอบต่อสารของผู้รับส่งสาร
* ประเภทของการสื่อสารกลับ*
1. การสื่อสารกลับทันทีทันใด (Immediate Feedback)
2. การสื่อสารกลับที่ล่าช้า (Delayed Feedback)
ชนิดของการสื่อสารกลับ
1. การสื่อสารกลับเชิงบวก (Positive Feedback)
2. การสื่อสารกลับเชิงลบ (Negative Feedback)
ลักษณะของการสื่อสารกลับ
1. การสื่อสารกลับเชิงวัจนะ = (Verbal Feedback)
2. การสื่อสารกลับเชิงอวัจนะ = (Nonverbal Feedback)
ลักษณะของการสื่อสาร
การสื่อสารมีลักษณะเป็นกระบวนการ
การสื่อสารเป็นกิจกรรมที่เปลี่ยนแปลงต่อเนื่องกันจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง และดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีจุดเริ่มต้น และสิ้นสุดอย่างแท้จริง
การสื่อสารเป็นกระบวนการที่มีความสัมพันธ์กับกระบวนการทางจิตวิทยา
การสื่อสารมีความเกี่ยวพันกับระบบการรับรู้การคิด การเรียนรู้ ที่มนุษย์มีต่อสิ่งต่าง ๆ
การสื่อสาร เป็นกระบวนการที่มีความสัมพันธ์กับกระบวนการทางสังคม และวัฒนธรรมเพราะมนุษย์อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม และมีระดับสังคมในระดับต่าง ๆ ทำให้มีสถานภาพและบทบาทแตกต่างกัน บรรทัดฐานของกลุ่มมีบทบาทในการกำหนดพฤติกรรมการสื่อสารแตกต่างกัน
การสื่อสาร เป็นกระบวนการซึ่งมีความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมทางกายภาพของมนุษย์มีผลกำหนดพฤติกรรมการสื่อสารและผลการสื่อสาร การสื่อสารในสถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน จะทำให้พฤติกรรมการสื่อสาร และผลการสื่อสารต่างกัน
แบบจำลองกระบวนการสื่อสาร Models of the Communication Process
แบบจำลอง คือ คำอธิบายแบบง่ายๆในรูปแบบของการเขียนรูป ความจริงหรือข้อเท็จจริงที่ต้องการอธิบาย แบบจำลองเป็นเครื่องมือในการอธิบายสิ่งต่างๆและช่วยในการกำหนดทฤษฎีด้วย
ข้อจำกัด
- แบบจำลองที่ถูกสร้างขึ้นมาดูง่ายเกินไปสำหรับกระบวนการสื่อสารที่ยุ่งยากและซับซ้อน
- ผู้ที่คิดค้นแบบจำลองแต่ละคนจะมีแนวคิดแตกต่างกัน ตามความสนใจของแต่ละคน
แบบจำลองของอริสโตเติ้ล ( The Aristotelian Model )
อริสโตเติ้ล เป็นนักปราชญ์ชาวกรีก มีความสนใจเกี่ยวกับการสื่อสารและวาทศิลป์
วิเคราะห์กระบวนการพูดเพื่อชักจูงใจ ว่ามีองค์ประกอบที่สำคัญคือ
-ผู้พูด ( Speaker )
-คำพูด ( Speech )
-ผู้ฟัง ( Audience )
ผู้พูด -------> คำพูด -------> ผู้ฟัง
แบบจำลองของลาสเวลล์ ( The Lasswell Model )
ลาสเวลล์ เป็นนักรัฐศาสตร์ สนใจศึกษาการสื่อสารจากการโฆษณาชวนเชื่อ
( Propaganda )
การอธิบายกระบวนการสื่อสาร วิธีที่ง่ายที่สุด คือ ตอบคำถามต่อไปนี้
ใคร ( Who ) คือ ผู้กำหนดและควบคุมเนื้อหาข่าวสาร
พูดอะไร ( Says what ) คือ เรื่องหรือเนื้อหาสาระที่ส่งออกไป
ผ่านสื่อใด ( In which Channel ) คือ ตัวกลางหรือสื่อที่ส่งข่าวสารถูกส่งผ่านไปยังผู้รับ
กับใคร ( To whom ) คือ ผู้รับสาร
เกิดผลอย่างไร ( With What Effect ) คือ สิ่งที่เกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากการสื่อสารเป็นอิทธิพลของการสื่อสาร

การสื่อสาร (communication) การสื่อสารเป็นหัวใจของการทำความเข้าใจระหว่างกันของมนุษย์ในสังคม มนุษย์จะทำความเข้าใจกันได้ต้องอาศัยการสื่อสารเพื่อให้ข้อมูล ถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความเห็น และประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข อีกทั้งการสื่อสารยังช่วยให้มนุษย์พัฒนาปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ได้มีการให้นิยามและความหมายของคำว่า “ การสื่อสาร (communication )” ไว้อย่างหลากหลายดังนี้

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ. ศ. 2525 (2539) ได้ให้ความหมายของการสื่อสารไว้ดังนี้ “ ก. นำหนังสือหรือข้อความของฝ่ายหนึ่งส่งให้อีกฝ่ายหนึ่ง ”

Kelley, Robert (1977 : 9. อ้างอิงมาจาก เสนาะ ติเยาว์. 2538 : 33) ให้ความหมายไว้ว่า “ การสื่อสารเป็นกระบวนการที่เกี่ยวกับการส่งและรับสัญลักษณ์ที่ก่อให้เกิดความหมายขึ้นในใจของผู้เกี่ยวข้อง โดยบุคคลเหล่านั้นมีประสบการณ์อย่างเดียวกัน ”

นรินทร์ชัย พัฒนพงศา (2542 : 3) กล่าวถึงความหมายของการสื่อสารว่า “ เป็นการแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร โดยใช้สื่อหรือช่องทางต่าง ๆ เพื่อมุ่งหมายโน้มน้าวจิตใจให้เกิดผลในการให้เกิดการรับรู้ หรือเปลี่ยนทัศนคติ หรือให้เปลี่ยนพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ”

โอภส์ แก้วจำปา (2547 : 1) กล่าวว่า “ การสื่อสารหมายถึงกระบวนการที่มนุษย์เชื่อมโยงความนึกคิดและความรู้สึกให้ถึงกัน เพื่อให้เกิดการตอบสนองในเชิงพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ”

วิรัช สงวนวงศ์วาน (2547 : 115) ให้ความหมายว่า “ การสื่อสารคือการถ่ายโอน (transfer and understanding of meaning ) ดังนั้น การติดต่อสื่อสารจะประสบความสำเร็จก็ต่อเมื่อสามารถส่งผลต่อความหมายและผู้รับเกิดความเข้าใจถูกต้อง การสื่อสารอาจมีลักษณะเป็นการสื่อสารระหว่างบุคคล (interpersonal communication) และเป็นเครือข่ายองค์กรหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าการติดต่อสื่อสารขององค์กร (organization communication) ”

ธิติภพ ชยธวัช (2548 : 130) กล่าวว่า “ การสื่อสารเป็นการส่งมอบสารสนเทศและส่งมีความหมายต่าง ๆ จากฝ่ายหนึ่งไปยังอีกฝ่ายหนึ่ง โดยการใช้สัญลักษณ์ที่เป็นที่ยอมรับร่วมกัน หรือเป็นการแลกเปลี่ยนสารสนเทศและการส่งมอบสิ่งที่มีความสำคัญต่าง ๆ ”

วันชัย มีชาติ (2548 : 138. อ้างอิงมาจาก Judith R. Gordon and associates. 1990 : 139) สรุปว่า “ การสื่อสารเป็นกระบวนการติดต่อส่งผ่านข้อมูล ความคิด ความเข้าใจ หรือความรู้สึกระหว่างบุคคล ซึ่งมีองค์ประกอบ 4 ประการ คือ ผู้ส่งสาร สาร สื่อ และผู้รับสาร ”

จากความหมายของการสื่อสารที่กล่าวมา อาจสรุปได้ว่า การสื่อสาร (communication) หมายถึง “ กระบวนการถ่ายทอดข้อมูล ข่าวสาร และเรื่องราวต่าง ๆ จากผู้ส่งสารไปสู่ผู้รับสารโดยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ในสภาพแวดล้อมหนึ่ง ๆ จนเกิดการเรียนรู้ความหมายในสิ่งที่ถ่ายทอดร่วมกันและตอบสนองต่อกันได้ตรงตามเจตนาของทั้งสองฝ่าย ซึ่งอาจจะมีลักษณะเป็นการสื่อสารระหว่างบุคคลและการสื่อสารขององค์กร ”

แม้จะมีการนิยาม “ การสื่อสาร ” แตกต่างกันก็ตาม แต่เป็นที่ยอมรับกันว่า การสื่อสารของมนุษย์เป็นกระบวนการที่มีพลวัตหรือการเคลื่อนไหว (dynamic) คือ มีความสัมพันธ์ที่มีผลกระทบ (effect) ต่อกันและกันระหว่างองค์ประกอบต่าง ๆ ของการสื่อสาร การสื่อสารของมนุษย์จึงมีความต่อเนื่อง (continuous) มีการเปลี่ยนแปลง (changing) และต้องอาศัยการปรับตัวตลอดเวลา (adaptive) ( พัชนี เชยจรรยา และคณะ. 2541 : 7)

ปัญหา อุปสรรค และ ข้อเสนอแนะ

  • คนไทยมักมีข้อเสียคือ เชื่อในเรื่องเดิมๆ ยากที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ไปสู่สิ่งใหม่ ทั้งๆที่การกระทำแบบเดิมไม่ดีขึ้น และคนไทยส่วนใหญ่ มักมีนิสัยเห็นแก่ตัวมากกว่าส่วนรวม
  • รัฐมีงบประมาณที่จะพัฒนาสังคมหรือประเทศ แต่คนที่บริหารรัฐมักหาประโยชน์สู่ตนเองและพวกพ้องมากกว่าเพื่อส่วนรวมที่แท้จริง
  • กลุ่มฯเบาะแส ขาดงบประมาณในการทำงานแต่ขาดการส่งเสริมจากภาครัฐ เพราะ กลุ่มฯเบาะแส ปราบเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำผิด
  • ควรรณรงค์ให้คนไทยทุกภาคส่วน รู้จักเห็นแก่ส่วนรวมมากขึ้น เพื่อลูกหลานไทยวันหน้า
  • ระบบการจัดการ ในการบริหารงานของกลุ่มฯ เบาะแส เป็นแบบรวบอำนาจเบ็ดเสร็จไว้ที่ประธานกลุ่มฯเบาะแส แต่ผู้เดียว แต่มีข้อดีคือการบริหารงานของ ประธานกลุ่มฯเบาะแส เป็นไปในแบบ ประชาธิปไตยกึ่งเผด็จการ ซึ่งง่ายต่อการดำเนินไปข้างหน้าของกลุ่มฯเบาะแส ในการปฏิบัติงาน ซึ่งสายงานบังคับบัญชาเป็นไปตามระบบ จากบนลงล่างและจากล่างขึ้นบน เป็นไปตามทฤษฎีการสื่อสารและเป็นไปตาม ทฤษฎีความต้องการ ของ มาส โลว์ ที่ทำให้ สมาชิกกลุ่มฯ เบาะแส ทุกคนที่มีความต้องการปกป้องตนเองและครอบครัว พร้อมทั้งต้องการให้ตนเองเป็นที่ยอมรับในสังคม ซึ่งจะนำพาไปสู่ความภาคภูมิใจในความเป็นมนุษย์ของตนเอง ซึ่งยากที่จะหาได้ในองค์กรอื่นๆ/.

เอกสารอ้างอิง

ทองใบ สุดชารี . (2542). วิเคราะห์แนวความคิด ทฤษฎี และการประยุกต์. พิมพ์ครั้งที่ 2. อุบลราชธานี :

สถาบันราชภัฏอุบลราชธานี.

ธิติภพ ชยธวัช . (2548). แม่ไม้บริหาร. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ ซี. พี. บุ๊ค แสตนดาร์ด.

นรินทร์ชัย พัฒนพงศา . (2542). การสื่อสารรณรงค์เชิงยุทธศาสตร์เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมนุษย์เน้นการ

เจาะจงกลุ่ม. เชียงใหม่ : สำนักพิมพ์รั้วเขียว.

นิตยา เงินประเสริฐศรี . (2544). ทฤษฎีองค์การ : แนวการศึกษาเชิงบูรณาการ. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัย

เกษตรศาสตร์.

พัชรี เชยจรรยา และคนอื่น ๆ . (2541). แนวคิดหลักนิเทศศาสตร์. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ข้าวฟ่าง.

ระวีวรรณ ประกอบผล . (2540). “ องค์ประกอบและกระบวนการของการสื่อสาร” ใน เอกสารการสอน

ชุดวิชา หลักและทฤษฎีการสื่อสาร หน่วยที่ 1 – 8. หน้า 134 – 140. พิมพ์ครั้งที่ 13. นนทบุรี :

มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช.

ราชบัณฑิตยสถาน . (2539). พจนานุกรม พ. ศ. 2525. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์.

วันชัย มีชาติ . (2548). พฤติกรรมการบริหารองค์การสาธารณะ. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

วิรัช สงวนวงศ์วาน . (2547). การจัดการและพฤติกรรมองค์การ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : เพียร์สัน

เอ็ดดูเคชั่น อินโดไชน่า.

วิโรจน์ โสวัณณะ . (2545). คู่มือสู่ความสำเร็จอันไร้ขอบเขต. กรุงเทพฯ : สำนักงานนิตยสารโลกทิพย์.

เสนาะ ติเยาว์ . (2538). การสื่อสารในองค์การ. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

โอภส์ แก้วจำปา . (2547). ภาษาไทยเพื่อการสื่อสารธุรกิจ. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์.


   
 
 
 
สถานี อาร์ ทีวี วัน วิทยุ โทรทัศน์ เพื่อข่าวสาร สาระบันเทิง และเพื่อการศึกษา ผลิตโดย กลุ่มเยาวชนเพื่อเยาวชน +
 

RTV1 STATION THAILAND

.radio television system network

ดำเนินงานโดย
อาจารย์ อัศวิน ตราบนิรันดร
แชร์ไปที่ Facebook

36 Pronjira Lumlookka Pratumthanee 12150    Tel-Fax : 02-907-5425 , M : 084-0925068   e-mail : rtv1_station_thailand@hotmail.com  


Web Counter

กองบรรณาธิการและสำนักข่าวเด็กเยาวชน สถานี อาร์ ทีวี วัน ขอแสดงความขอบคุณมายังนักข่าว และช่างภาพ ทุกท่านที่ร่วมกันทำหน้าที่ดี ๆ
มีประโยชน์ต่อสังคม ในการเผยแพร่ข่าวสารสู่สาธารณะชนอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่าทุกท่านจะรักษาไว้ซึ่งคุณภาพของการนำเสนอข่าวสาร
และมิตรภาพในสื่อออนไลน์แห่งนี้ของเราต่อไป ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพทั้งหมดนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ RTV1.NET
 
 
Contact us Email : rtv1_station_thailand@hotmail.com 
Copyright 2007 - 2011 Rtv1 Station Thailand All Right Reserved.
The Site viewed best Internet explorer 9+ or Firefox 3.6+ Resolution 1024x768
Free Web Hosting