เน้นพัฒนาทักษะชีวิต-เรียนรู้โลกกว้าง
ไปกับอาจารย์เดือน เจริญยศ กับกีฬาว่ายน้ำ ส.ว.2
อาจารย์เดือน เจริญยศ | ครูฝึก วุฒิชัย อิ่มแก้ว | ครูฝึกสุนทร ใจมาบุตร | ครูฝึก ปุ๋ม จงวัฒนา | ครูฝึก อชิศักดิ์ เอี่ยมสำอาง |
---|
ประวัติว่ายน้ำ ความเป็นมาของ กีฬาว่ายน้ำ ที่มาที่ไป
กีฬา น่ารู้ กีฬาว่ายน้ำ : Swimming
- กีฬาว่ายน้ำ (Swimming) ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เพราะมนุษย์สามารถว่ายน้ำได้ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์ที่ตั้งภูมิลำเนาอยู่ตามชายทะเล แม่น้ำ ลำคลอง และที่ราบลุ่มต่างๆ เช่น พวกเอสซีเรีย อียิปต์ กรีก และโรมัน มีการฝึกหัดว่ายน้ำกันมาตั้งแต่ก่อนคริสตกาล เพราะมีผู้พบภาพวาดเกี่ยวกับการว่ายน้ำในถ้ำบนภูเขาแถบทะเลทรายลิบยาน
- การว่ายน้ำในสมัยนั้นเพียงเพื่อให้สามารถว่ายน้ำข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้ หรือเมื่อเกิดอุทกภัยน้ำท่วมป่าและที่อยู่อาศัยก็สามารถพาตัวไปในที่น้ำท่วมไม่ถึงได้อย่างปลอดภัย
- การว่ายน้ำได้มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน แต่มีหลักฐานบันทึกไว้ไม่นานนัก Ralph Thomas ให้ชื่อแบบว่ายน้ำที่มนุษย์ใช้ว่ายกันมาตั้งแต่เดิมว่า ฮิวแมน สโตร์ก (Human stroke) นอกจากนี้พวกชนชาติสลาฟและพวกสแกนดิเนเวียรู้จักการว่ายน้ำอีกแบบหนึ่ง โดยใช้เท้าเคลื่อนไหวในน้ำคล้ายกบว่ายน้ำ หรือที่เรียกว่าฟล็อกคิก (Flogkick) แต่วิธีการเคลื่อนไหวของท่าแบบนี้จะทำให้ว่ายน้ำได้ไม่เร็วนัก
- การแข่งขันว่ายน้ำครั้งแรกได้จัดขึ้น วูลวิช บาร์ท (Woolwich Baths) ใกล้กับกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2416 การแข่งขันครั้งนั้นมีการแข่งขันเพียงแบบเดียวคือ แบบฟรีสไตล์ (Free style) โดยผู้ว่ายน้ำแต่ละคนจะว่ายแบบใดก็ได้ ในการแข่งขันครั้งนี้ J. Arhur Trudgen เป็นผู้ได้รับชัยชนะ โดยเขาได้ว่ายแบบเดียวกับพวกอินเดียแดงในอเมริกาใต้ คือแบบยกแขนกลับเหนือน้ำ ซึ่งเป็นวิธีการว่ายน้ำของเขาได้กลายเป็นแบบที่ได้รับความนิยมมากจนได้ชื่อว่า ท่าว่ายน้ำแบบทรัดเจน (Trudgen stroke)
- ประชาชนชาวโลกได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการว่ายน้ำเพิ่มมากขึ้น เมื่อเรือเอก Mathew Webb ได้ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษจากเมืองโดเวอร์ คาเลียส เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2418 โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 21 ชั่วโมง 45 นาที ด้วยการว่ายแบบกบ (Breast stroke) ข่าวความสำเร็จอันนี้ได้สร้างความพิศวงและตื่นเต้นไปทั่วโลก ต่อมาเด็กชาวอเมริกันชื่อ Gertude Ederle ได้ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2469 ทำเวลาได้ 14 ชั่วโมง 31 นาที โดยว่ายน้ำแบบท่าวัดวา (Crawa stroke) จะเห็นได้ว่าในชั่วระยะเวลา 50 ปี
- การว่ายน้ำได้วิวัฒนาการก้าวหน้าขึ้นเป็นอย่างมาก ถ้าหากได้พิจารณาถึงเวลาของคนทั้งสองที่ทำได้ แบบและวิธีว่ายน้ำได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดความเร็วขึ้นเสมอ ในบรรดานักว่ายน้ำทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวแลนเคเชียร ์และออสเตรเลีย ได้ดัดแปลงวิธีว่ายน้ำแบบทรัดเจน ซึ่งก็ได้รับผลดีในเวลาต่อมา กล่าวคือ Barney Kieran ชาวออสเตรเลียและ T. S. Battersby ชาวอังกฤษ ได้ว่ายน้ำแบบที่ปรับปรุงมาจากทรัดเจน เป็นผู้ครองตำแหน่งชนะเลิศของโลกเมื่อปี พ.ศ. 2449-2415
- Alex Wickham ชาวเกาะโซโลมอนเป็นผู้ริเริ่มการว่ายน้ำแบบท่าวัดวาและเป็นผู้ครองตำแหน่งชนะเลิศของโลก ระยะทาง 50 หลา เขาได้กล่าวว่าเด็กโซโลมอนทุกคนว่ายน้ำแบบนี้ทั้งนั้น ต่อมาท่าว่ายน้ำแบบวัดวาจึงเป็นที่นิยมฝึกหัดกันโดยทั่วไป
กีฬาว่ายน้ำได้จัดเข้าไว้ในการแข่งขันโอลิมปิกเมื่อปี พ.ศ. 2436 และได้จัดการแข่งขันมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุดังกล่าวกีฬาว่ายน้ำก็ได้รับความสนใจจากคนทั่วไป และถือเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก มีการพัฒนากีฬาว่ายน้ำให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นเป็นลำดับ โดยมีผู้คิดแบบและประเภทของการว่ายน้ำเพื่อความสนุกสนาน และความตื่นเต้นในการแข่งขันมากขึ้น
- การว่ายน้ำในสมัยนั้นเพียงเพื่อให้สามารถว่ายน้ำข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้ หรือเมื่อเกิดอุทกภัยน้ำท่วมป่าและที่อยู่อาศัยก็สามารถพาตัวไปในที่น้ำท่วมไม่ถึงได้อย่างปลอดภัย
-
แบบของการว่าย มีหลายแบบ คือ- 1. การว่ายแบบฟรีสไตล์ คือการว่ายแบบใดก็ได้ยกเว้นการว่ายแบบเดี่ยวผสม หรือผลัดผสมจะต้องว่ายนอกเหนือจากการว่ายแบบกรรเชียง, กบ หรือผีเสื้อ การกลับตัวก็สามารถที่จะใช้ส่วนหนึ่งส่วนใดแตะขอบสระได้
- 2. การว่ายแบบกรรเชียง จะต้องถีบตัวออกในลักษณะนอนหงาย ต้องว่ายในท่านอนหงายตลอดการแข่งขัน บางส่วนของร่างกายต้องพ้นผิวน้ำตลอดการแข่งขัน ยกเว้นเวลากลับตัวจะจมน้ำไม่เกิน 15 เมตร เมื่อกลับตัวแล้วจะต้องมีส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายแตะผนังสระและเข้าเส้นชัยในท่านอนหงาย
- 3. การว่ายแบบกบ จะต้องอยู่ในลักษณะคว่ำหน้า แขนทั้ง 2 ข้างจะต้องเคลื่อนไหวไปพร้อมกัน มือทั้ง 2 ต้องพุ้งไปข้างหน้าพร้อมกันส่วนข้อศอกอยู่ใต้ผิวน้ำเมื่อดึงมือไปข้างหน้าพร้อมกันจะต้องอยู่ใต้ผิวน้ำ ขาทั้ง 2 ต้องเคลื่อนที่พร้อมกัน การเตะเท้า เตะไปด้านหลัง การกลับตัว การเข้าเส้นชัยต้องแตะด้วยมือทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน การดึงแขน 1 ครั้ง และการเตะขา 1 ครั้ง จะต้องมีบางส่วนของศีรษะโผล่พ้นระดับให้เห็น ยกเว้นการกลับตัวให้ดำน้ำได้ 1 ครั้ง
- 4. การว่ายแบบผีเสื้อ จะต้องคว่ำหน้าตลอดระยะทาง ไม่ให้ม้วนตัวหงายกลับในการกลับตัว แขนทั้ง 2 จะต้องยกเหนือน้ำพร้อมๆ กัน การเข้าเส้นชัย และการกลับตัวจะต้องแตะขอบสระด้วยมือทั้ง 2 พร้อมๆ กันดึงแขนใต้น้ำได้ 1 ครั้งเท่านั้น
- 5. การว่ายแบบผสม
- 5.1 การว่ายแบบเดี่ยวผสม ผู้เข้าแข่งขันจะต้องว่าย 4 แบบ ตามลำดับ ผีเสื้อ, กรรเชียง, กบ, และฟรีสไตล์
- 5.2 การว่ายแบบผลัดผสม มีผู้เข้าแข่งขัน 4 คน ต้องว่ายคนละ 1 แบบ ตามลำดับ คือ กรรเชียง, กบ, ผีเสื้อ และฟรีสไตล์
- 1. การว่ายแบบฟรีสไตล์ คือการว่ายแบบใดก็ได้ยกเว้นการว่ายแบบเดี่ยวผสม หรือผลัดผสมจะต้องว่ายนอกเหนือจากการว่ายแบบกรรเชียง, กบ หรือผีเสื้อ การกลับตัวก็สามารถที่จะใช้ส่วนหนึ่งส่วนใดแตะขอบสระได้
ชนิดของการแข่งขัน (จะมีการบันทึกเป็นสถิติโลก)
ฟรีสไตล์ 50, 100, 200, 400, 800 และ 1,500 เมตร
กรรเชียง 100 และ 200 เมตร
กบ 100 และ 200 เมตร
ผีเสื้อ 100 และ 200 เมตร
เดี่ยวผสม 200 และ 400 เมตร
ผลัดฟรีสไตล์ 4 x 100 และ 4 x 200 เมตร
ผลัดผสม 4 x 100 เมตร
ประโยชน์ของกีฬาว่ายน้ำ
ประโยชน์ของการว่ายน้ำทำให้เกิดความปลอดภัยแล้วการว่ายน้ำเป็นกิจกรรมสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ สนุกสนานเหมาะสมสำหรับสมาชิกทุกคนซึ่งมีด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. ด้านสรีรศาสตร์(Physiological)ช่วยพัฒนาสุขภาพร่างกาย เช่นกล้ามเนื้อ ข้อต่อ ปอด หัวใจ และระบบต่างๆ ได้บริหารเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ รักษาความแข็งแรงมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น
2. ด้านนันทนาการ(Recreation ) ช่วยบุคคลในการใช้เวลาว่าง ให้เป็นประโยชน์ทำให้สนุกสนาน เกิดคุณค่า
3. ด้านสังคม (Social ) ให้คุณค่าที่ดีแก่เยาวชนบุคคล สมาชิกในครอบครัวได้ พักผ่อนอย่างมีความสุข สนุกสนานร่วมกัน ประชาชนทุกวัยได้สมาคมกันช่วยเหลือกัน
4. ด้านความปลอดภัย (Safety ) สามารถที่จะช่วยตัวเองให้เกิดความปลอดภัยได้ ทุกคนควรฝึกว่ายน้ำให้เป็น และเรียนรู้วิธีการช่วยเหลือตนเองและบุคคลอื่น
5. ด้านกิจกรรมพิเศษ(Special)ช่วยบำบัดจิตใจ และร่างกายให้กับบุคคลที่ไม่สมบูรณ์ทางกาย เช่น ตาบอด อัมพาต เป็นง่อย พิการ และคนที่บาดเจ็บที่จะต้องใช้การว่ายน้ำเข้าช่วยเหลือแก้ไข เพื่อฟื้นฟูสภาพผิดปกติเหล่านั้นให้กลับสู่สภาพที่ดีขึ้น
6. ด้านการแข่งขัน(Competitive) ว่ายน้ำจะมีการแข่งขันกันเพื่อเปรียบเทียบทักษะระหว่างสมาชิกด้วยกันรู้สึกว่ามีความสนุกสนานเพลิดเพลินเกิดแรงจูงใจที่จะนำไปสู่การเข้าร่วมการแข่งขันในรายการต่างๆ
7. ด้านสติปัญญาของมนุษย์ และพัฒนาขึ้นเมื่อได้มีการเรียนรู้ หรือมีประสบการณ์ใหม่ๆ ผ่านเข้ามา และมนุษย์ได้ใช้ความคิดในการวินิจวิเคราะห์ เพื่อพัฒนาทักษะให้ดีขึ้น ว่ายน้ำเป็นกีฬาที่ต้องอาศัย ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะหลายๆอย่างประกอบกัน
8. ด้านอารมณ์ ทำให้สนุกสนานเพลิดเพลิน ในขณะว่ายน้ำก็ทำให้ผู้เล่นมีสมาธิอยู่กับการเคลื่อนไหวในน้ำ ทำให้สบายใจ หากว่ายน้ำเป็นระยะเวลานาน จนร่างกายมีสมรรถภาพดีแล้ว ก็ทำให้อารมณ์มั่นคงไปด้วย
9. ด้านชื่อเสียงของบุคคล และประเทศชาติ จะเห็นได้ว่านักว่ายน้ำที่มีความสามารถจะเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย และได้รับการยกย่องจากบุคคลอื่นๆ และ ถ้าสามารถเอาชนะ ในการแข่งขันระดับสำคัญๆ ของการแข่งขันระหว่างชาติได้ก็ยิ่งสร้างชื่อเสียงของตนเองและวงศ์ตระกูล ประเทศชาติได้รับการยกย่องจากประเทศอื่นๆ
10. ด้านวิชาชีพนักว่ายน้ำที่มีชื่อเสียงจากการแข่งขันระดับสำคัญระหว่างชาติ จะมีสโมสรต่างๆ มาจองตัวเพื่อเป็นนักกีฬาของตน นักว่ายน้ำ สามารถทำรายได้มาสู่ตนเอง และครอบครัว สามารถเลือกที่จะทำหน้าที่ผู้ฝึกสอน ผู้สอน อาจจะทำในลักษณะงานพิเศษ หรืองานประจำได้
น่าสนใจที่ "เด็กไทย ว่ายน้ำเป็น" เพื่อสอนให้เด็กไทยได้ "ว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำได้ ออกกำลังกายดี" ได้เล่าถึงข้อสังเกตว่า"...การอบรมเขามิได้มุ่งเน้นที่จะสอนเด็กให้ว่ายน้ำเป็นเหมือนหลักสูตรการสอนว่ายน้ำทั่วไป แต่เขาจะเน้นที่พื้นฐานของความปลอดภัยในการเล่นน้ำและการช่วยเหลือตัวเองให้ปลอดภัยจากการจมน้ำเป็นหลัก เช่น การไม่โดดลงไปช่วยเมื่อเห็นเพื่อนตกน้ำ แต่จะช่วยเหลืออย่างถูกวิธีด้วยการตะโกนขอความช่วยเหลือจากรอบข้าง หรือการช่วยชีวิตเพื่อนง่ายๆ ด้วยการใช้ขวดน้ำอัดลมพลาสติกหรือขวดน้ำเปล่าๆ ที่อยู่ใกล้ตัวโยนลงไปให้เพื่อนเกาะเป็นชูชีพ รวมทั้งการฝึกลอยตัวในน้ำโดยการกอดขวดน้ำเปล่าเพียงขวดเดียว ซึ่งเมื่อฝึกให้ถูกท่าแล้ว เด็กๆ ก็สามารถจะลอยตัวอยู่กลางผืนน้ำได้เป็นเวลานาน ก่อนที่จะประคองตัวเข้าสู่ฝั่ง ซึ่งเด็กๆ ทั้งเด็กเล็กเด็กโตที่เข้ารับการอบรมสามารถทำได้ทุกคน
แทบไม่น่าเชื่อว่าช่วงเวลาสั้นๆ เพียง 20 ชั่วโมงของการฝึกอย่างถูกวิธี จากหลักสูตรดีๆ ที่เน้นย้ำในความปลอดภัย และการให้เด็กๆ สามารถจะช่วยเหลือตัวเองไม่ให้จมน้ำ โดยครูฝึกที่มากประสบการณ์จะสามารถมอบสิ่งสำคัญอันสูงค่า ที่จะติดตัวกับเด็กๆ ไปตลอดชีวิต สิ่งที่เกิดขึ้นในความคิดเมื่อผมประจักษ์ได้ในความสำเร็จเกินความคาดหมายของโครงการนี้ ก็คือ ทำอย่างไรจะให้มีโครงการดีๆ เช่นนี้ขยายตัวแพร่หลายออกไปให้เด็กๆ ไทยทั่วประเทศได้มีโอกาสดีๆ เช่นนี้บ้าง ซึ่งคงต้องวิงวอนให้รัฐบาลเห็นความสำคัญผลักดันส่งเสริมเป็นนโยบายหลักของประเทศ มีการจัดทำหลักสูตรการอบรมที่เน้นย้ำในเรื่องของความปลอดภัยในการช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่นเป็นสำคัญ มากกว่าการมุ่งเน้นไปที่การว่ายน้ำเป็นเพียงเท่านั้น ..."
คงไม่มีใครปฏิเสธแล้วว่าสระว่ายน้ำนอกจากมีไว้สำหรับเรียนรู้ที่จะไม่จมน้ำตายและช่วยชีวิตคนอื่นให้รอดพ้นจากการจมน้ำตายแล้ว ยังเป็นสถานที่ออกกำลังกายเหมาะสำหรับทุกวัย ไม่ว่าจะเด็กเล็กหลังจากว่ายน้ำเป็นแล้ว วัยผู้ใหญ่ และโดยเฉพาะเข้าสู่วัยทอง
ประทับใจครูที่เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้ในทุกเรื่องทั้งความรู้และชีวิต
ครูประถม ช่วยให้ได้อ่านออกเขียนได้ และเห็นตัวเองว่าเราอยากรู้อะไรต่อ ที่สำคัญเห็นวิถีชีวิตที่สมถะเรียบง่าย สงบ
ครูมัธยม ช่วยให้เห็นโลกกว้างขึ้น ให้กำลังใขและลุ้นให้เราแสวงหาอาชีพในอนาคต
ครูป.ตรี สอนอาชีพ ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กันไป ได้เรียนรู้เทคนิคการทำงาน ความชำนาญจากแต่งละท่านเพื่อหาตัวเองให้ได้ว่าเรารักจะทำงานในช่องทางใด ชอบใครก็อยู่ใกล้ชิดครูท่านนั้นเข้าไว้
ตามไปช่วยงานครู ได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งความบันเทิง ได้ทั้งเครือข่ายพวกพ้อง
ครู ป.โท ให้เกียรติ รับฟังความคิดเห็น ส่งเสริมให้ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ช่วยเหลือให้กำลังใจเมื่อมีอุปสรรค ทำให้เข้าใจคนอื่นมากขึ้น ได้เห็นความหลากหลายของคำว่าการมีชีวิต
ครูป.เอกที่เห็นแต่ยังไม่ได้เรียน สรุปความคิดรวบยอดได้อย่างน่าทึ่ง (คิดได้อย่างไร) ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ และให้ข้อชี้แนะ ได้ตรงยังกับเห็นด้วยตนเอง นับถือ
สิ่งที่ช่วยให้ได้รับสิ่งเหล่านี้คือการรับรู้ถึงความเมตตาและปรารถนาดีที่ออกจากตัวครู ขอเป็นกำลังใจให้ครูเดือน เจริญยศ ทำหน้าที่ความเป็นครูของต้นแบบที่ดีต่อไปกับนักเรียน ขอแสงสว่างนำพาให้นักเรียนของท่านได้พบแต่ความรุ้ที่ดีๆในชีวิต
เพื่อทำให้เด็กๆ ได้เข้าใจความหมายของคำว่า “ความมีน้ำใจนักกีฬา” รู้จักรับมือกับความพ่ายแพ้ ยินดีกับชัยชนะของผู้อื่น และให้อภัย เมื่อเกิดการกระทบกระทั่ง ผิดพลาด หรือบกพร่อง และความงดงามของ...มิตรภาพ ที่เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะเป็นต้นทุนชีวิตที่สำคัญของเด็กๆ ต่อไปในอนาคต
คำพ่อสอน เด็ก ๆ นอกจากจะต้องเรียนความรู้แล้ว ยังต้องหัดทำการงานและทำความดีด้วย เพราะการทำงานจะช่วยให้มีความสามารถ มีความขยันอดทนพึ่งตนเองได้ และการทำดีนั้นจะช่วยให้มีความสุขความเจริญ ทั้งป้องกันตนไว้ไม่ให้ตกต่ำ พระบรมราโชวาท พระราชทานเพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ประจำปี ๒๕๓๐ |
---|
. . . . . . . . . . . ยุติความรุนแรง
พิเศษสุด ... คู่มือโครงงานฯ ปี 2552 เล่มล่าสุด!!!! .. คลิกที่นี่
รวมตัวอย่างสุดยอคโครงงานระดับประเทศ
บันทึกความสำเร็จ "เยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง" ปี ๓ คลิกที่นี่